กลิ่นกาสะลอง ตอนที่ 13 (EP.13) วันที่ 22 กรกฏาคม 2562 HD
รายการ : กลิ่นกาสะลอง
หมวดละคร : ละครกลิ่นกาสะลอง
ออกอากาศ : ตอนที่ 13 (EP.13) วันที่ 22 กรกฏาคม 2562
Description : รายการ : กลิ่นกาสะลอง
วันที่ออกอากาศ : จันทร์ อังคาร
เวลาออกอากาศ : 20:30:00 - 22:30:00
คุณภาพ : HD
รายละเอียด : พุทธศักราช ๒๕๕๐ (ปัจจุบัน)
นายแพทย์ทินกฤต และ แพทย์หญิงพิมพ์พิศา เป็นคู่รักกันมาตั้งแต่สมัยเป็นนักศึกษาแพทย์ด้วยกัน จนกระทั่งเรียนจบ พิมพ์พิศาก็มาทำงานเป็นแพทย์ประจำอยู่โรงพยาบาลที่บิดาของทินกฤตเป็นเจ้าของ ทั้งสองคนรักกันดี แต่ก็ไม่มีวี่แววว่าจะแต่งงานกัน ทุกครั้งที่พิมพ์พิศาเอ่ยถึงเรื่องนี้ ทินกฤตก็จะปฏิเสธเรื่อยไปโดยที่ตัวเองก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร จนกระทั่งเมื่อทั้งคู่ขึ้นมาดูที่ดินที่เชียงใหม่ ทินกฤตก็รู้สึกว่าตนเองมีความผูกพันกับที่ดินผืนนั้น เขาฝันถึงอดีตบ่อยๆ และทุกครั้งจะมีกลิ่นดอกกาสะลอง (ดอกปีบ) อบอวลไปทั่ว เช่นเดียวกับพิมพ์พิศาที่ได้รับปิ่นจากชายลึกลับผู้มาเจรจาเรื่องที่ดิน ก็รู้สึกว่าปิ่นเงินอันนั้นรบกวนจิตใจเธออย่างบอกไม่ถูก บางครั้งก็ฝันประหลาดจนเสมือนว่าตัวเองอยู่ในเหตุการณ์นั้นจริงๆ
ทินกฤตตัดสินใจซื้อที่ดินผืนนั้นอย่างไม่ลังเลเพื่อปลูกบ้านส่วนตัว มิใช่ปลูกเป็นเรือนหออย่างที่พิมพ์พิศาเข้าใจ เมื่อทินกฤตใส่ใจกับการดูแลบ้านหลังใหม่มากกว่าเรื่องอื่นใด พิมพ์พิศาก็เริ่มจะรู้สึกว่าคู่รักเปลี่ยนไปมากขึ้น แม้ว่าทินกฤตจะไปมาหาสู่ที่บ้านของเธอบ่อยๆ แต่เขาไม่ได้ไปเพื่อพบเธอ แต่กลับตั้งใจไปพบนางบัวเกี๋ยง ย่าของพิมพ์พิศา ผู้ซึ่งพิมพ์พิศาปักใจเชื่อว่าย่าไม่รักหล่อน จนอาจถึงขั้นเกลียด สำหรับนางบัวเกี๋ยงนั้น แม้จะมีอาวุโสมาก แต่เมื่อทินกฤตไปพบ นางก็จะทำตัวยำเกรงชายหนุ่มประดุจตนเองเป็นผู้น้อยอยู่ตลอดเวลา
นายแพทย์ภาคภูมิ คือเพื่อนสนิทของทินกฤต กำลังจีบ วิจิตราโปรดิวเซอร์สาวซึ่งมารู้ภายหลังว่าเป็นเพื่อนกับพิมพ์พิศาสมัยเรียนมัธยม ภาคภูมิช่วยประสานงานให้กองถ่ายของวิจิตรามาใช้สถานที่ถ่ายทำในโรงพยาบาลของทินกฤต ทำให้คนทั้งหมดมาเจอกันและมีแผนเดินทางไปเชียงใหม่ด้วยกัน โดยไม่มีใครรู้ว่าทั้งหมดมีความเกี่ยวพันกันมาจากอดีตชาติ และการไปเชียงใหม่ครั้งนี้จะทำให้ชีวิตของทุกคนเปลี่ยนไป
ทินกฤตยอมให้วิจิตรามาชมบ้านใหม่ของเขา ทั้งที่เขาหวงนักหนา ทำให้พิมพ์พิศาคิดว่าทินกฤตมีใจให้กับวิจิตรา ยิ่งทินกฤตแอบกลับไปพักที่บ้านใหม่ของเขาทั้งที่จองที่พักในเมืองไว้แล้ว ยิ่งทำให้พิมพ์พิศาคิดฟุ้งซ่าน ขับรถตามไปอย่างฉุนเฉียวจนเกิดอุบัติเหตุขึ้น พิมพ์พิศารถคว่ำ คนเจ็บถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล แต่ทินกฤต ภาคภูมิ และวิจิตรา กลับได้รับคำตอบว่า พิมพ์พิศากลับกรุงเทพไปแล้วโดยไม่บอกใคร ซ้ำรถที่พิมพ์พิศาเช่ามาขับก็มิได้เกิดอุบัติเหตุแต่อย่างใด ไม่มีใครรู้ว่า ทั้งหมดนี้เกิดจากการบันดาลของ "วิญญาณกาสะลอง"
หลังจากอุบัติเหตุรถคว่ำ วิญญาณของกาสะลองเข้ามาสิงในร่างของพิมพ์พิศาหรือซ้องปีบ ในอดีตชาติ บางครั้งพิมพ์พิศาจึงได้รู้ได้เห็นเหตุการณ์ในอดีตอย่างคนนอก แต่บางครั้งก็รู้สึกเสมือนทำด้วยตนเอง ทินกฤตมีโอกาสได้พบพิมพ์พิศาเพียงครั้งเดียวที่กรุงเทพ แต่เขากลับรู้สึกว่าเธอมิใช่พิมพ์พิศาคนเดิมที่เขารู้จัก หากเป็นใครอีกคนที่เขาคุ้นเคยในความฝัน ในที่สุดทินกฤตจึงชวนพิมพ์พิศากลับไปเชียงใหม่อีกครั้ง ทั้งๆ ที่นัดหมายกันเป็นอย่างดี แต่วันเดินทาง มารดาของพิมพ์พิศาบอกว่าหล่อนล่วงหน้าไปก่อนแล้ว เมื่อทินกฤตไปถึงบ้านที่เชียงใหม่ก็พบว่า พิมพ์พิศาคอยอยู่ที่นั่นแล้วจริงๆ ทว่าหล่อนอยู่ในเครื่องแต่งกายที่แปลกออกไป คล้ายกับการแต่งกายของชาวล้านนาในอดีต
ภาคภูมิและวิจิตราร่วมทางมาเชียงใหม่ด้วย แต่จู่ๆ ก็พลัดหลงกับทินกฤตและพิมพ์พิศาที่งานสงกรานต์ ตามหาเท่าไรก็ไม่พบ สุดท้ายจึงตัดสินใจกลับกรุงเทพฯ ก็พบพิมพ์พิศาเป็นเจ้าหญิงนิทราอยู่ที่บ้าน ส่วนทินกฤตก็หายตัวไปจริงๆ...ทั้งหมดนี้ ล้วนเป็นฝีมือของ กาสะลอง
มณฑลพายัพในอดีต(พ.ศ.๒๔๖๗ ปลายรัชกาลที่ ๖ ต่อรัชกาลที่ ๗)
ทรัพย์นายหมอหนุ่มเชื้อสายจีนนั่งเรือหางแมงป่องที่ขนสินค้าจากกรุงเทพมาขายที่เชียงใหม่เพื่อทำงานในโรงพยาบาลของคณะมิชชันนารี ในเช้ามืดวันที่เรือจะเข้าเทียบท่านั้นเอง เรือติดแก่ง ลูกถ่อทั้งหลายจึงต้องช่วยกันประคองเรือไม่ให้คว่ำ ในความสลัวนั้นนายหมอหนุ่มก็เห็นว่า มีหญิงสาวผู้หนึ่งกำลังเก็บดอกไม้ที่ท่าน้ำ และมองตลอดเวลาที่เรือโคลงเคลง เขาประทับภาพนั้นไว้ในความทรงจำตั้งแต่แรกเห็นเรือเทียบท่าเมื่อฟ้าสางขณะที่นายหมอทรัพย์เดินผ่านตลาดเพื่อไปยังที่พัก เขาได้เห็นหญิงสาวผู้เก็บดอกไม้ที่ท่าน้ำ แต่นางเหมย ผู้ติดตามหญิงสาวผู้นั้นเห็นเข้าเสียก่อน จึงกันนายสาวออกไปเสีย เมื่อถึงที่พักนายหมอทรัพย์ก็ได้พบ บัวเกี๋ยง เด็กหญิงตัวน้อยมาคอยเขาอยู่ในห้องพัก
กาสะลองขาวนวลผ่องเหน็บเกศา
เข้าปลดมาให้พี่เชยรำลึกได้
หอมบุปผาฤาจะเทียบหอมกลิ่นกาย
อกเรียมร่ำจะวางวายด้วยกลิ่นนวล
ความคำนึงถึงสาวที่ท่าน้ำ ทำให้นายหมอทรัพย์สอบถามจากผู้คนในตลาด ได้ความว่า นางชื่อ ซ้องปีบ เป็นลูกสาวของนายแคว้นมั่ง ผู้เกลียดชังฝรั่งและคนจีนหนักหนา แต่ถึงกระนั้น นายหมอทรัพย์ก็ยังมาที่ท่าน้ำและได้พบหญิงสาวคนเดิม ได้พูดจากันบ้าง นางมิได้บอกว่าชื่ออะไร เพียงแต่พยักหน้าไปทางดอกปีบที่ร่วงอยู่ ซึ่งดอกปีบนั้น เรียกกันอีกชื่อหนึ่งว่า กาสะลอง
นั่นคือจุดเริ่มต้นของความเข้าใจผิด นายหมอทรัพย์ไม่รู้ว่า กาสะลอง และ ซ้องปีบ เป็นพี่น้องฝาแฝดกันซึ่งนิสัยใจคอต่างกันสุดขั้ว ผู้ที่นายหมอหลงรักคือ กาสะลอง แต่ผู้ที่นายหมอพบบ่อยและเข้าใจผิดคือ ซ้องปีบ หมอทรัพย์จึงบอกบัวเกี๋ยวอยู่เสมอว่าเขาหลงรักซ้องปีบ
ด้วยเหตุนี้ นายหมอทรัพย์จึงถูกเขม่นจาก มั่นฟ้า ชายหนุ่มผู้เสน่หาในตัวซ้องปีบ มั่นฟ้าตามเอาใจซ้องปีบมาตั้งแต่รุ่นสาว โดยที่ซ้องปีบเองก็มิได้มีทีท่าจะคล้อยตามด้วยสักเท่าไร เพียงแต่ชอบที่มั่นฟ้ามาเอาใจเท่านั้น เช่นเดียวกับที่มั่นฟ้าก็ไม่เคยเอะใจว่านางเหมย ผู้ติดตามซ้องปีบรักเขาหมดหัวใจ
ก่อนวันสงกรานต์ ชาวบ้านต่างไปเตรียมงานที่วัด ทว่าซ้องปีบกลับไปนั่งใต้ต้นยาง อยากได้กล้วยไม้มาประดับมวยผม นายหมอทรัพย์ผ่านมาเจอพอดี การแข่งขันระหว่างนายหมอหนุ่มเชื้อสายจีน และมั่นฟ้าจึงเกิดขึ้น บัวเกี๋ยง...เจ้าเด็กตัวน้อย รีบไปตามกาสะลองมาดูเหตุการณ์ กาสะลองยอมมาตาม แต่ก็อยู่ไม่จบตลอดการแข่งขัน เพราะรู้สึกทนไม่ได้ ที่นายหมอหนุ่มที่ตนแอบเก็บความรู้สึกนิยมอยู่ในใจทุ่มเทให้ซ้องปีบถึงเพียงนี้ ผู้ชนะตามกติกาคือมั่นฟ้า หากผู้ชนะตามใจของซ้องปีบคือนายหมอทรัพย์ มั่นฟ้าจึงรู้สึกเหมือนถูกหักหน้าอย่างแรง วางแผนลอบทำร้ายนายหมอหนุ่มเย็นวันนั้น
นายหมอทรัพย์ไปที่วัดตามคำชวนของบัวเกี๋ยง จึงได้เห็นว่าสาวน้อยหน้าแฉล้มผู้นั้นนั่งทำงานอยู่ในศาลา ประดับมวยผมด้วยดอกปีบสีขาวนวลเป็นช่อ เช่นที่เขาเห็นอยู่บ่อยๆ มิใช่ดอกกล้วยไม้ที่เขาเก็บให้ก็น้อยใจ ประจวบกับผู้เฒ่าผู้แก่ที่อยู่ในศาลาวัดต่างซักถามกาสะลอง ถึงเรื่องที่นายแคว้น บิดาของนางยกลูกสาวให้แต่งงานกับลูกพ่อเลี้ยง ทำให้นายหมอทรัพย์เข้าใจผิดคิดไปอีกว่าหล่อนถูกหมั้นหมายไปกับชายอื่นแล้ว เขาจึงแทบจะหมดหวังในความรัก
ระหว่างทางกลับบ้าน นายหมอทรัพย์พบมั่นฟ้าที่ดักรออยู่ระหว่างทาง ชายหนุ่มทั้งสองทะเลาะกันจนถึงขั้นลงไม้ลงมือ นายหมอหนุ่มพลาดท่า จึงถูกมั่นฟ้าเหวี่ยงมีดผ่านช่องท้องจนล้มลงไปกองกับพื้น เมื่อมั่นฟ้าเห็นว่ากาสะลองและบัวเกี๋ยงยืนมองเหตุการณ์ทั้งหมด จึงรีบหนีไป สตรีต่างวัยสองคนจึงต้องช่วยกันพยาบาลคนเจ็บทั้งที่มืดค่ำ
การบาดเจ็บคราวนั้น ทำให้นายหมอทรัพย์รู้ความจริง ว่าสตรีที่เขาหลงรักเป็นฝาแฝด และคนที่เขารักตั้งแต่แรกเห็นคือกาสะลอง มิใช่ ซ้องปีบ ในวันที่ซ้องปีบเข้ามาพูดคุยกับเขาอีก เขาจึงพยายามบ่ายเบี่ยง เพื่อมิให้เกิดการเข้าใจกันผิดอีก หากการกระทำนี้ กลับทำให้ซ้องปีบเกลียดกาสะลองยิ่งขึ้น ที่นายหมอหนุ่มเอาอกเอาใจกาสะลองด้วยความอบอุ่น ด้วยความรักที่บริสุทธิ์อย่างที่นางไม่เคยได้จากชายใดมาก่อน นางจึงหมายมั่นจะได้ครอบครองนายหมอทรัพย์
ซ้องปีบมีบิดาเป็นผู้ถือหาง ในขณะที่กาสะลองมีแม่เป็นผู้คุ้มภัย แต่ผู้เป็นใหญ่ในบ้าน คือนายแคว้นมั่งผู้บิดา ดังนั้นไม่ว่าซ้องปีบจะต้องการอะไร หรือกล่าวเท็จอย่างไร บิดาจะเชื่อแล้วหาความเอากับกาสะลองแต่ผู้เดียว
เมื่อซ้องปีบไม่ยอมแต่งงานกับลูกพ่อเลี้ยง กรรมนั้นจึงมาตกอยู่กับกาสะลอง
กาสะลองรู้ตัวแล้วว่าตนเองรักนายหมอทรัพย์หมดหัวใจ เช่นเดียวกับที่นายหมอหนุ่มก็สารภาพกับกาสะลองและมารดาของนาง เมื่อเหตุการณ์จวนจะบานปลาย นายหมอหนุ่มจึงตัดสินใจชวนกาสะลองและบัวเกี๋ยงหนีไปอยู่ด้วยกันที่กรุงเทพ
การหนีครั้งที่หนึ่ง ไร้ผล เพราะเหตุสุดวิสัย
การหนีครั้งที่สอง กาสะลองปลอมตัวเป็นแหม่มไปขึ้นรถไฟ นายแคว้นมั่งผู้บิดาตามไปพบที่สถานีรถไฟโดยบังเอิญ กาสะลองจึงถูกฉุดกระชากลากถูลงจากรถ โดยมีนายหมอหนุ่มตามลงมา มีเพียงบัวเกี๋ยงเท่านั้นที่ยังอยู่บนรถไฟกับคณะมิชชันนารีและเดินทางไปผจญชีวิตตามลำพัง
กาสะลองถูกขังไว้ในบ้าน มีผู้เฝ้าอย่างแน่นหนา แต่ด้วยความช่วยเหลือของมั่นฟ้า นายหมอทรัพย์จึงหาอุบายพากาสะลองหนีไปด้วยกันได้สำเร็จ ในขณะที่มั่นฟ้าถูกจับได้และโดนซ้อมอย่างหนักเมื่อนางเหมยมาช่วยเหลือ ทั้งคู่จึงหนีไปด้วยกัน ในฐานะผู้ทำผิดที่ทางการค้นหาตัว
นายแคว้นมั่งสืบทราบว่ากาสะลองและนายหมอทรัพย์หนีไปตั้งบ้านเรือนอยู่ที่เมืองแจ๋ม (แม่แจ่ม) จึงตามไปหาที่นั่น ทำทีว่าเห็นอกเห็นใจและให้อภัยกับการกระทำของคนทั้งคู่ และสั่งให้ซ้องปีบไปขอขมากาสะลองเสียตามลำพัง แต่ความจริงแล้วคือแผนการสลับตัวซ้องปีบและกาสะลอง!
กาสะลองถูกกุมตัวมาอยู่ที่บ้านเดิม ทันได้เห็นวาระสุดท้ายของผู้เป็นมารดา
ที่ป้าช้า มั่นฟ้าและนางเหมยแอบมาพบกาสะลองแล้วเล่าความจริงหลายเรื่อง และบอกว่าตนเองจะเป็นผู้นำความจริงเรื่องนี้ไปบอกกับนายหมอทรัพย์ ความนี้รู้ถึงหูนายแคว้นมั่ง กาสะลองจึงถูกจับขังในยุ้งข้าว ให้ลูกน้องเป็นคนเฝ้า ก่อนที่ตัวเองจะไปให้ถึงแม่แจ่มก่อนมั่นฟ้าและนางเหมย
ในยุ้งข้าวที่คุมขัง กาสะลองต้องเจอเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เมื่อลูกน้องของบิดาเข้ามาหมายจะข่มขืน นางจึงป้องกันตัวเองสุดชีวิตรวมรวมพลังกายเฮือกสุดท้ายใช้ผ้ารัดคอชายหนุ่มผู้นั้นตาย เวลาหลายวันที่ถูกกุมขัง กาสะลองได้แต่เก็บกินเมล็ดข้าวเคียงศพลูกน้องบิดาอยู่อย่างนั้นจนในวันหนึ่งนางก็หมดลมหายใจ
ที่แม่แจ่ม นายหมอทรัพย์รู้สึกแปลกใจว่ากาสะลองแปลกไป จนเมื่อมั่นฟ้ามาบอกเล่าความจริงจึงมั่นใจในความคิดของตน ซ้องปีบไม่ยอมให้นายหมอกลับไป หากมั่นฟ้าและนางเหมยรั้งตัวไว้ ซ้องปีบจึงทำร้ายนางเหมยจนตายด้วยปิ่นเงินที่มั่นฟ้าเคยให้นางไว้เมื่อครั้งยังเสน่หา ขณะที่ชุลมุนกันอยู่นั้น ตะเกียงถูกเหวี่ยงกระทบหินจนแตก เปลวไฟไหม้คนทั้งสามตายอยู่กลางทุ่งฝ้ายนั้น
นายหมอทรัพย์ตามมาหากาสะลองทันเพียงแค่เห็นเปลวไฟที่กำลังมอด เขาจึงเก็บเอาเถ้ากระดูกของนางรวมกับเมล็ดปีบต้นที่ท่าน้ำเรือนของนาง กลับไปปลูกที่ริมธารน้ำ ใกล้เรือนที่ถูกเผาของเขาที่แม่แจ่ม
โหยหาอาวรณ์วันลาโลก
จะลาโศกวันเศร้าให้คืนหลัง
โอ้ชีวิตอนิจจาอนิจจัง
ยังมิได้ดังที่หวังเพราะ "สัญญา"
ทั้งสามคน กลับมาพบกันใหม่ ด้วยกงกรรมกงเกวียน
นายหมอทรัพย์...นายแพทย์ทินกฤต ซ้องปีบ...แพทย์หญิงพิมพ์พิศา
มั่นฟ้า...นายแพทย์ภาคภูมิ นางเหมย...วิจิตรา
เมื่อทุกคนรู้ว่าต้นสายแห่งปริศนาหลายเรื่องในปัจจุบันเกิดขึ้นเพราะอะไร พิมพ์พิศาก็ไม่คาดคั้นให้ทินกฤตแต่งงานด้วยอีก ส่วนภาคภูมิและวิจิตราก็ตกลงปลงใจร่วมหอลงโรงสร้างครอบครัวด้วยกัน
นายแพทย์ทินกฤตลาโลกไปอย่างสงบในคืนวันแต่งงานของเพื่อนนั่นเอง หากชายหนุ่มหลับฝันอย่างมีความสุข เพราะในฝันนั้นเขาเห็นนางแน่งน้อยผิวขาวนวลผ่องในผ้าพันอกสีดอกฝ้าย เกล้าผมเป็นมวยดำขลับประดับด้วยดอกกาสะลองช่อใหญ่ขาวพราวกระจ่าง
สามสิบปีให้หลัง (พุทธศักราช ๒๕๘๐)
พิมพ์มาดา บุตรสาวของแพทย์หญิงพิมพ์พิศาตั้งใจจะเปิดโฮมสเตย์ที่แม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ เพราะมารดาของนายแพทย์ทินกฤตโอนที่ดินให้หลังจากเสียบุตรชายไป พิมพ์มาดารู้สึกผูกพันกับที่ดินผืนนี้มาก เมื่อใกล้เสร็จสมบูรณ์ ช่วงที่ต้องวางแผนงานเปิดตัวนั่นเอง ที่พิมพ์มาดาได้พบ ปรัศวินทร์ บุตรชายคนเดียวของนายแพทย์ภาคภูมิ และคุณวิจิตรา
ทั้งสองคนมีความคุ้นเคยในหลายๆ เรื่องเหมือนกัน แต่มักจะไม่ค่อยได้คุยกันดีๆ สักเท่าไหร่นัก เพราะต่างฝ่ายต่างไม่เคยลงให้แก่กัน คุณพิมพ์พิศาเอง เมื่อเห็นชายหนุ่มครั้งแรกก็อดนึกไม่ได้ว่าเขาช่างเหมือนทินกฤตเสียนี่กระไร เช่นเดียวกับมารดาของนายแพทย์ทินกฤตผู้จากไป ก็รักใคร่ปรัศวินทร์ไม่ต่างจากลูกชายแท้ๆ ของตนเองจนบางครั้งก็หลงไปว่า ปรัศวินทร์ คือ ทินกฤต และพิมพ์มาดา คือพิมพ์พิศา
ในที่สุด โครงการเปิดโฮมสเตย์ก็ล้มเลิก เมื่อปรัศวินทร์และพิมพ์มาดาปรับความเข้าใจกันได้ และมีความเห็นตรงกันว่า อยากเก็บสถานที่แห่งนี้ไว้เป็นที่ส่วนตัวมากกว่าเปิดให้คนอื่นเข้าพัก
ปรัศวินทร์ส่งสายตาและรอยยิ้มให้พิมพ์มาดาอย่างอบอุ่น มิได้หยอกล้อ มิได้ยั่วเย้า มิได้ลามเลียเสียมารยาท เป็นยิ้มละไมที่ทำให้พิมพ์มาดารู้สึกสดใสจนยิ้มตอบให้ในแบบเดียวกัน
การค้นหา การรอคอย การฝ่าฟันสิ้นสุดลงแล้ว
ชายหนุ่มหยิบดอกไม้ที่เก็บมาจากใต้ต้นใส่รวมกับดอกไม้สีขาวเช่นเดียวกันในถ้วยศิลาดลตรงหน้า กลิ่นหอมอ่อนๆ คล้ายจะชัดเจนขึ้นในชั่วพริบตา พิมพ์มาดาสบตาชายหนุ่มเป็นเชิงถาม ... พี่วินทร์ชอบดอกปีบนี้หรือคะ
สายตาของเขาบอกเป็นคำตอบเช่นกัน
ใช่ ! โดยเฉพาะดอกกาสะลองที่คอยพี่อยู่ริมน้ำ
ความรักของนายหมอทรัพย์และอี่นายกาสะลองจึงสมหวังเมื่อเวลาล่วงผ่านมาหลายสิบปีกลิ่นกาสะลอง